วันที่ 7 สิงหาคม 2560 เวลา 09.30 น. นายรัฐฐะ  สิริธรังศรี  ปลัดจังหวัดอ่างทอง เป็นประธานเปิดการประชุมเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดิน ภาคที่ 1 ณ ห้องประชุม ป่าโมก ศาลากลางจังหวัดอ่างทอง  การประชุมดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อให้ร่วมกันกำหนดแนวทางขับเคลื่อนงานหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน การขับเคลื่อนงานคุณภาพ  อีกทั้งขยายผลการขับเคลื่อนงานเชิงพื้นที่  การสร้างชุมชนเข้มแข็งแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน ด้วยแนวทางสันติวิธี  การให้อภัย การให้โอกาส ของคนในหมู่บ้าน ชุมชน  ให้ลด ละ เลิก พฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้  และใช้แนวทางแห่งเศรษฐกิจพอเพียง ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน รวมทั้งการเตรียมจัดงานมหกรรมกองทุนหมู่บ้านแม่ของแผ่นดิน และ งานพระราชทานเงินขวัญถุงให้กับหมู่บ้านต้นกล้า ประจำปี 2560

            สืบเนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภุมิพล อดุลยเดช  สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ์ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงมีความห่วงใย คอยช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์  ปัญหายาเสพติดเป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ที่พระองค์ท่านทรงห่วงใย พระองค์ท่าน ทรงอาบเหงื่อต่างน้ำให้ชาวเขาปลูกพืชทดแทนฝิ่น ซึ่งเป็นการดับต้นตอ ของปัญหายาเสพติด และทรงหาแนวทางแก้ไข นอกจากนี้อีกหนึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่พระองค์ท่านดำรัสถึง คือ กองทุนแม่ของแผ่นดิน

            ทางกองทุนแม่ของแผ่นดิน ภาคที่ 1 มีกลไกทำงานในรูปแบบของภาคีเครือข่ายทั้งระดับภาค ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และระดับตำบล ทำให้การพัฒนาหมู่บ้านมีความสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์รัฐบาล และ สำนักงานประชาสัมพันธ์  อีกทั้งยังมีพี่เลี้ยงจากสำนักงานพัฒนาชุมชนมาช่วยกันขับเคลื่อนทำให้เชื่อมั่นได้ว่า กองทุนแม่ของแผนดินภาคที่ 1 สามารถตอบโจทย์การแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม

สำนักงานประมงจังหวัดอ่างทอง จัดพิธีเปิดการฝึกอบรมเกษตรกร โครงการส่งเสริมเกษตรด้านการประมง ปี 2555 หลักสูตร การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เวลา 09.00 น.

           นายสุรเชษ นิ่มกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอ่างทอง ได้เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมเกษตรกร โครงการส่งเสริมเกษตรด้านการประมง ปีพ.ศ. 2555 หลักสูตร การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ณ หอประชุมเทศบาลตำบลรำมะสัก ตำบลรำมะสัก อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง
           ว่าที่ ร.ต.สุรัตน์ เกิดมะลิ ประมงจังหวัดอ่างทอง กล่าวว่า ด้วยจังหวัดอ่างทอง มีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์เป็นที่ราบลุ่ม มีความอุดมสมบรูณ์ มีแม่น้ำหลักสองสาย คือ แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย ไหลผ่านพื้นที่หลายอำเภอของจังหวัด ประกอบกับมีระบบชลประทานที่ดี เกษตรกรส่วนใหญ่จึงประกอบอาชีพเกษตรกรรม รวมทั้งการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด   ซึ่งการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดของจังหวัดอ่างทอง แบบดั้งเดิมจะใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน และประสบการณ์เลี้ยงที่มีมายาวนาน กระทั่งปัจจุบันมีการพัฒนาการเพาะเลี้ยงเป็นรูปแบบฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเชิงพาณิชย์ขนาดเล็ก จนถึงฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ทำให้มีจำนวนผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำลังการผลิตสัตว์น้ำจืดมีปริมาณสูงขึ้น ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญในด้านการผลิตสินค้าประมง เพื่อให้ได้มาตรฐานที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค   ตามนโยบายของรัฐบาล และวิสัยทัศน์ของจังหวัดอ่างทอง ที่ว่าอ่างทองเมืองน่าอยู่ แหล่งผลิตอาหารปลอดภัย
           สำหรับการฝึกอบรมเกษตรกร ในครั้งนี้เป็นหลักสูตร การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด โดยดำเนินการให้ความรู้หลักวิชาการด้านการจัดการฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ที่ถูกต้องตามวิธีการและขั้นตอนการผลิตสินค้าสัตว์น้ำให้มีมาตรฐานปลอดภัยแก่ผู้บริโภค โดยเกษตรกรที่อบรมในวันนี้ มีเกษตรกรเข้าร่วมอบรมโครงการส่งเสริมเกษตรกรด้านการประมง เขตอำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง จำนวน 190 ราย ถือเป็นทิศทางการพัฒนาศักยภาพการสร้างมาตรฐานสินค้าประมงของจังหวัดอ่างทอง อีกทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมในการผลิตสินค้าที่มีมาตรฐานและปลอดภัยออกสู่ตลาดผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศในอนาคต

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ภาพ/ข่าว...สำนักข่าวท้องถิ่นจังหวัดอ่างทอง (AngthongNews)

035-860371 , 081-4012558

www.facebook.com/angthongnewstv

วันที่ 15 สิงหาคม 2560 เวลา 13.30 น. นายรัฐฐะ สิริธรังศรี ปลัดจังหวัดอ่างทอง เป็นประธานพิจารณาคัดเลือกเด็กดีเด่น สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อรับโล่และรางวัล ณ ห้องประชุมจัดหางานจังหวัดอ่างทอง ศาลากลางจังหวัดอ่างทอง ชั้น 1 อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง โดยมีส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมพิจารณา

     สำหรับการพิจารณา คัดเลือกเด็กดีเด่น สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อรับโล่และรางวัล ด้วยสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยได้ขอความร่วมมือจังหวัดอ่างทอง ดำเนินการคัดเลือกและเสนอชื่อเด็กจำนวน 2 คน เป็นรับการพิจารณาคัดเลือกเด็กดีเด่นสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำปี 2561 ซึ่งสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอ่างทอง ได้รับการเสนอรายชื่อเด็กที่เข้ารับการคัดเลือกจำนวน 4 คน จากสถานศึกษาต่างๆ ได้แก่ เด็กหญิงกิตติญาณินท์ อินทร์แก้ว นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลอ่างทอง เด็กหญิงวรกมล โอฬารธนากร นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 วิทยาลัยนาฏศิลปอ่างทอง เด็กชายเสกสรรญ สภาพพร นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนกีฬาจังหวัดอ่างทอง และเด็กหญิงศิริรัตน์ อยู่สุข นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 3 วัดชัยมงคล ซึ่งจะพิจารณาจากการบำเพ็ญประโยชน์ทั้งต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ครอบครัว โรงเรียน เพื่อน ผู้ใหญ่ สังคมและด้านต่างๆ นอกจากนี้ยังพิจารณาในเรื่องของคุณธรรมจริยธรรม ความรู้ความสามารถ การเป็นตัวอย่างที่ดีและเป็นที่ยอมรับของสาธารณาชนทั่วไป ซึ่งต้องมีอายุระหว่าง 6 – 15 ปีบริบูรณ์ นับถึงวันเสาร์ สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคม 2560 เพื่อคัดเลือกให้เหลือจำนวน 2 คน และส่งชื่อเพื่อให้สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยพิจารณาคัดเลือกต่อไป

วันที่ 9 สิงหาคม 2560 เวลา 13.30 น. นางสาววิลาวรรณ พยาน้อย คลังจังหวัดอ่างทอง ผู้แทนประธาน ประชุมคณะกรรมการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปี2560 ครั้งที่ 5  /2560 ณ ห้องประชุมวิเศษชัยชาญ ศาลากลางจังหวัดอ่างทอง ชั้น 2 อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง โดยมีหัวหน้าส่วนราชการต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมชี้แจง

     สำหรับการประชุมคณะกรรมการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปี2560 ครั้งที่ 5  /2560 มีประเด็นสำคัญอยู่ที่การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณที่ยังคงค้างอยู่ของหน่วยงานราชการต่างๆ ซึ่งในช่วงนี้เป็นช่วงไตรมาสสุดท้ายของการเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งต้องเร่งเบิกจ่ายให้เป็นไปตามเป้า โดยปัจจุบันจังหวัดอ่างทองได้ดำเนินการเบิกจ่ายไปแล้วกว่า 80 %ซึ่งต้องเบิกจ่ายงบประมาณในไตรมาสสุดท้ายไม่น้อยกว่า 95%ซึ่งเป็นเป้าหมายของจังหวัด จึงได้จัดประชุมดังกล่าวขึ้น เพื่อเป็นการตรวจสอบผลการดำเนินการ ว่าแต่ละหน่วยงานมีปัญหา อุปสรรคอย่างไร เพื่อจะได้หาทางออกและดำเนินการแก้ไข เพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณสามารถเกได้ตามเป้าหมายของจังหวัดต่อไป