สำนักงานประกันสังคม เตรียมความพร้อมการขยายความคุ้มครองประกันสังคมมาตรา ๔๐
ทางเลือกที่ ๓ ซึ่งภารกิจให้ความคุ้มครองประกันสังคมแก่แรงงาน ทั้งในระบบและนอกระบบ เพื่อให้มีหลักประกัน
คุณภาพชีวิตที่ดี จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้มีการสำรวจข้อมูลแรงงานนอกระบบประจำปี ๒๕๕๕
มีจำนวนแรงงานนอกระบบทั่วประเทศทั้งสิ้น ๒๔.๗๙ ล้านคนเศษ จากข้อมูลดังกล่าวเห็นได้ว่า ประเทศไทย
มีแรงงานนอกระบบจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญและต้องการให้แรงงานนอกระบบมีหลักประกัน
ความมั่นคงในการดำรงชีวิตที่ดี เพื่อสนองนโยบาย กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้เร่งขยาย
ความคุ้มครองประกันสังคมมาตรา ๔๐ ไปสู่แรงงานนอกระบบให้ทั่วถึง ซึ่งขณะนี้แรงงานนอกระบบเป็นผู้ประกันตน
มาตรา ๔๐ แล้วประมาณ ๑.๕ ล้านคนเศษ และเพื่อเป็นการจูงใจให้แรงงานนอกระบบสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน
มาตรา ๔๐ เพิ่มมากขึ้น สำนักงานประกันสังคมจึงได้ปรับปรุงสิทธิประโยชน์ประกันสังคมมาตรา ๔๐ จากเดิม
๒ ทางเลือก เพิ่มเป็น ๓ ทางเลือก ซึ่งจะมีผลใช้บังคับในวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๖ โดยสิทธิประโยชน์ประกันสังคม
มาตรา ๔๐ ทางเลือกที่ ๓ มีสาระสำคัญ คือ ผู้ประกันตนจ่าย ๑๐๐ บาท และรัฐบาลสมทบเพิ่มอีก ๑๐๐ บาทต่อเดือน โดยผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ ซึ่งเชื่อว่าจะสอดคล้องกับความต้องการของแรงงานนอกระบบ
อีกจำนวนมาก และน่าจะช่วยจูงใจให้แรงงานนอกระบบในการชำระเงินสมทบให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา ๔๐
เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปี ๒๕๕๗ ได้กำหนดเป้าหมายให้แรงงานนอกระบบสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา ๔๐ ไม่น้อยกว่า
๑.๗ ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกันตนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์งานประกันสังคม สอบถามข้อมูล
เพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดอ่างทอง เลขที่ ๒ ถนนเทศบาล ๘ ตำบลย่านซื่อ อำเภอเมืองอ่างทอง
จังหวัดอ่างทอง โทรศัพท์หมายเลข ๐ ๓๕๖๒ ๕๑๔๖ ต่อ ๑๓๒-๑๓๓ ในวันและเวลาราชการ หรือ โทรสายด่วน
๑๕๐๖ ได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ
------------------------
สำนักงานประกันสังคมจังหวัดอ่างทอง
๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
นางนันทิยา พัวพันธุ์ ประกันสังคมจังหวัดอ่างทอง กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยด้วยโรค
ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ในระบบประกันสังคมแบ่งออกเป็น ๒ กลุ่ม คือกลุ่มผู้ที่ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังก่อน
เป็นผู้ประกันตน จะได้รับในอัตราครั้งละไม่เกิน ๑,๐๐๐ บาท และกลุ่มผู้ที่ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังหลังจากเป็น
ผู้ประกันตนแล้ว จะได้รับในอัตราครั้งละ ๑,๕๐๐ บาท ซึ่งอาจไม่เพียงพอกับความเป็นจริงสำหรับสถานพยาบาล
บางแห่ง ซึ่งผู้ประกันตนบางรายต้องรับภาระในการออกค่าใช้จ่ายเอง อย่างไรก็ตาม สำนักงานประกันสังคม
ได้มีการเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมแก่ผู้ประกันตนที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย
โดยให้สิทธิรับค่าฟอกเลือดฯ ในอัตรา ๑,๕๐๐ บาท/ครั้ง และไม่เกิน ๔,๕๐๐ บาท/สัปดาห์ (เพิ่มจำนวนครั้ง
ของการฟอกเลือด) รวมทั้งขยายสิทธิสำหรับผู้ประกันตนที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายมาก่อนการเป็น
ผู้ประกันตน โดยให้มีสิทธิได้รับค่าฟอกเลือดฯ ในอัตรา ๑,๐๐๐ บาท/ครั้ง และไม่เกิน ๓,๐๐๐ บาท/ครั้ง
ซึ่งอัตราดังกล่าวอ้างอิงตามอัตราค่าฟอกเลือดฯ ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยกลุ่ม
ผู้ป่วยที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายและได้รับการฟอกเลือดฯ มาก่อนเดือนตุลาคม ๒๕๕๑ จะต้องร่วมจ่าย
ค่าฟอกเลือดครั้งละ ๕๐๐ บาท และ สปสช.จะสนับสนุนค่าฟอกเลือดฯ ให้ครั้งละ ๑,๐๐๐ บาท ซึ่งผู้ประกันตน
ที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ที่มีสิทธิรับบริการทางการแพทย์โดยการบำบัดทดแทนไตต้องเป็นผู้ป่วย
โรคไตวายเรื้อรังที่มีหน้าที่การทำงานของไตเสียไปอย่างถาวรเกินกว่าร้อยละ ๙๕ โดยใช้หลักเกณฑ์ในการพิจารณา
จากผลเลือด ผลปัสสาวะ และขนาดของไต ยกเว้นกรณีปลูกถ่ายไตต้องไม่เป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายมาก่อน
การเป็นผู้ประกันตนคราวที่ยื่นขอใช้สิทธิ ซึ่งในการพิจารณาอนุมัติสิทธิฯ แต่ละครั้งเป็นไปด้วยความรอบคอบ
โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการแพทย์หรือผู้ที่คณะกรรมการการแพทย์มอบหมายก่อนทุกราย
โดยผู้ประกันตนสามารถยื่นคำขอรับสิทธิการบำบัดทดแทนไตต่อสำนักงานประกันสังคมจังหวัดที่ท่านประสงค์
จะใช้สิทธิ
นางนันทิยาฯ กล่าวต่อว่า ในการนี้ สำนักงานประกันสังคม สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
และกรมบัญชีกลาง ซึ่งทั้ง ๓ กองทุน มีแนวทางการบูรณาการสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย
โดยมีการพิจารณากำหนดอัตราค่าฟอกเลือดฯ ให้มีความเหมาะสมและเท่าเทียมในแต่ละกองทุน ซึ่งเป็นแนวทาง
หนึ่งที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาร่วมกัน เพื่อให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย สามารถเข้าถึงการบำบัดทดแทนไต
ได้อย่างเสมอภาคและเป็นธรรม หากผู้ประกันตนรายใดมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดอ่างทอง เลขที่ ๒ ถนนเทศบาล ๘ ตำบลย่านซื่อ อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง โทรศัพท์หมายเลข
๐ ๓๕๖๒ ๕๑๔๖ ต่อ ๑๑๑-๑๑๕ ในวันและเวลาราชการ หรือโทรสายด่วน ๑๕๐๖ ได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ
------------------------
สำนักงานประกันสังคมจังหวัดอ่างทอง
๖ เมษายน ๒๕๕๖
นางนันทิยา พัวพันธุ์ ประกันสังคมจังหวัดอ่างทอง กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคมให้ความคุ้มครอง
การรักษาพยาบาลแก่ผู้ประกันตนครอบคลุมทุกโรค รวมถึงโรคมะเร็ง ผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยเป็นโรคมะเร็ง จะได้รับ
การรักษาพยาบาลตามมาตรฐานการรักษาของราชวิทยาลัยภายใต้การกำกับดูแลของแพทยสภา หากสถานพยาบาล
ตามบัตรรับรองสิทธิไม่มีศักยภาพในการรักษาพยาบาล แต่สถานพยาบาลจะต้องมีระบบการส่งตัวไปรักษาใน
สถานพยาบาลระดับสูง ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมมีกลไกในการกำกับตรวจสอบคุณภาพการรักษาของสถาน
พยาบาลอย่างเข้มงวด โดยคณะที่ปรึกษาทางการแพทย์ และการพยาบาล และมีบทลงโทษสำหรับสถานพยาบาล
ที่ให้การรักษาผู้ประกันตนไม่ได้ตามมาตรฐานหรือปฏิเสธการรักษาผู้ประกันตน ตั้งแต่ตักเตือน ลดศักยภาพ
จนถึงขั้นยกเลิกสัญญา หากกรณีสถานพยาบาลให้การรักษาผู้ประกันตนไม่เป็นไปตามมาตรฐานทางการแพทย์
สำนักงานฯ จะส่งเรื่องให้แพทย์สภาดำเนินการ นอกจากนี้ สำนักงานประกันสังคมยังมีระบบการชดเชยค่ารักษา
พยาบาลเฉพาะสำหรับโรคมะเร็ง โดยให้สถานพยาบาลขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง เพื่อให้
ผู้ประกันตนได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นประโยชน์ในการติดตามข้อมูลการรักษาพยาบาลของ
ผู้ประกันตน รวมทั้ง ยังทำให้สถานพยาบาลได้รับการชดเชยอย่างเหมาะสมสอดคล้องกับภาระค่าใช้จ่าย ดังนั้น
ขอให้ผู้ประกันตนมั่นใจในระบบบริการทางการแพทย์ของประกันสังคมได้ว่า ไม่ด้อยไปกว่าระบบการรักษา
พยาบาลของกองทุนประกันสุขภาพอื่น
นางนันทิยาฯ กล่าวต่อว่า หากผู้ประกันตนรายใดมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามได้ที่
สำนักงานประกันสังคมจังหวัดอ่างทอง เลขที่ ๒ ถนนเทศบาล ๘ ตำบลย่านซื่อ อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง โทรศัพท์หมายเลข ๐ ๓๕๖๒ ๕๑๔๖ ต่อ ๑๑๑-๑๑๕ ในวันและเวลาราชการ หรือโทรสายด่วน ๑๕๐๖ ได้ทุกวัน
ไม่เว้นวันหยุดราชการ
------------------------
สำนักงานประกันสังคมจังหวัดอ่างทอง
๖ เมษายน ๒๕๕๖
นางนันทิยา พัวพันธุ์ ประกันสังคมจังหวัดอ่างทอง เผยมติคณะกรรมการประกันสังคม เห็นชอบ
ขยายระยะเวลาการลดอัตราเงินสมทบต่อไปอีก ๑ ปี โดยให้จัดเก็บเงินสมทบฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้าง
ในอัตราฝ่ายละร้อยละ ๔ ลดลงจากเดิมฝ่ายละร้อยละ ๑ เพื่อเป็นการช่วยเหลือนายจ้างที่รับภาระจากค่าจ้าง
ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในปี ๒๕๕๖ มีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายวัน ๓๐๐ บาททั่วประเทศ ส่งผลให้นายจ้างต้องรับ
ภาระต้นทุนจากค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น (โดยลดในส่วนของ ๔ กรณีแรก ได้แก่ เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ และ
เสียชีวิต จากเดิมจ่ายในอัตราฝ่ายละร้อยละ ๑.๕ เหลือฝ่ายละร้อยละ ๐.๕ ) ส่วนเงินสมทบกรณีชราภาพ
สงเคราะห์บุตร และกรณีว่างงาน จัดเก็บเงินสมทบในอัตราเดิมคือฝ่ายละร้อย ๓.๕ ทั้งนี้ ในส่วนของรัฐบาล
ยังคงจ่ายเงินสมทบในอัตราเดิมคือร้อยละ ๒.๗๕ สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ เดิมจ่ายในอัตราร้อยละ ๙
ของฐานค่าจ้าง ๔,๘๐๐ บาท ลดลงเหลืออัตราร้อยละ ๗ ของฐานค่าจ้าง ๔,๘๐๐ บาท ในปี ๒๕๕๖ คือจ่ายเงิน
สมทบเดือนละ ๓๓๖ บาท
นางนันทิยาฯ กล่าวต่อว่า การลดอัตราเงินสมทบดังกล่าว ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์
เหมือนเดิมทุกกรณี และไม่มีผลประทบต่อกองทุนประกันสังคม ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลได้ที่
สำนักงานประกันสังคมจังหวัดอ่างทอง เลขที่ ๒ ถนนเทศบาล ๘ ตำบลย่านซื่อ อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง โทรศัพท์หมายเลข ๐ ๓๕๖๒ ๕๑๔๖ ต่อ ๑๔๑-๑๔๔ ในวันและเวลาราชการ หรือ โทรสายด่วน ๑๕๐๖ ได้ทุกวัน
ไม่เว้นวันหยุดราชการ
------------------------
สำนักงานประกันสังคมจังหวัดอ่างทอง
๖ เมษายน ๒๕๕๖