เชื่อมโยงหน่วยงาน

มากกว่า...

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

ความหมายและสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนในโครงการประกันสังคม

ปรับขนาดตัวอักษร

นางจุฑาทิพ ลักษณา ประกันสังคมจังหวัดอ่างทอง กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ผู้ประกันตน หมายถึง ผู้ซึ่งจ่ายเงิน

สมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ภายใต้เงื่อนไขของเวลาที่นำส่ง จะก่อให้เกิดสิทธิได้รับประโยชน์จากการเป็นผู้ประกันตน มีอยู่ ๓

ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

                   ๑. ผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ หากจะให้เข้าใจง่าย คือ ผู้ประกันตนประเภทนี้เป็นภาคบังคับต้องขึ้นทะเบียน

เป็นมาตรา ๓๓ ตามที่กฎหมายกำหนด กล่าวคือ สถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ ๑ คนขึ้นไป (มีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๕ ปีบริบูรณ์

และไม่เกิน ๖๐ ปีบริบูลณ์ในวันเข้าทำงาน) ต้องขึ้นทะเบียนนายจ้างพร้อมกับขึ้นทะเบียนลูกจ้างภายใน ๓๐ วัน และหากมีการ

รับลูกจ้างใหม่เข้าทำงานเพิ่ม ต้องแจ้งขึ้นทะเบียนลูกจ้างใหม่ภายใน ๓๐ วันเช่นกัน สำหรับกรณีแจ้งการลาออกหรือแจ้งการเปลี่ยนแปลงของผู้ประกันตน นายจ้างต้องแจ้งแบบหนังสือให้สำนักงานประกันสังคมทราบภายใน ๑๕ วันของเดือนถัดไป

                       สำหรับผู้ประกันตนมาตรา ๓๓ รวมไปถึงลูกจ้างชั่วคราวรายเดือนของส่วนราชการต่างๆ ปัจจุบันเรียกว่า

พนักงานของส่วนราชการ กลุ่มนี้ก็ต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ ด้วย ปัจจุบันผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓

บางคน อาจมีอายุเกิน ๖๐ ปีได้ เป็นเพราะนายจ้างหรือสถานประกอบการนั้นๆ มีการจ้างให้ทำงานต่อเนื่อง ผู้ประกันตนตาม

มาตรา ๓๓ ต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ๕% ของรายได้ต่อเดือน เท่ากับนายจ้างก็ส่ง ๕% เหมือนกัน (ในส่วนของ

รัฐบาลส่งเข้ากองทุน ๒.๗๕%) สิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ จะได้รับมี ๗ กรณี ดังนี้

                       ๑.๑ กรณีเจ็บป่วย ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า ๓ เดือน ภายใน ๑๕ เดือน จะมีสิทธิ

เข้ารักษาพยาบาลในสถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ หรือเครือข่ายของสถานพยาบาลที่ผู้ประกันตนเลือกระบุในบัตร

รับรองสิทธิฯ

                       ๑.๒ กรณีคลอดบุตร ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า ๗ เดือน ภายใน ๑๕ เดือน ผู้ประกันตน

จะมีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ ๒ ครั้ง โดยจะได้รับเงินเหมาจ่ายค่าคลอดบุตร ๑๓,๐๐๐ บาทต่อครั้ง หากเป็นผู้ประกันตนหญิงจะได้

รับเงินเหมาจ่าย ๕๐% ของค่าจ้าง ๙๐ วันอีกด้วย

                       ๑.๓ กรณีทุพพลภาพ ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า ๓ เดือน ภายใน ๑๕ เดือน แพทย์ที่ขึ้น

ทะเบียนของสำนักงานประกันสังคมตรวจประเมินว่ามีการสูญเสียสมรรถภาพในการทำงาน ตั้งแต่ ๕๐% ขึ้นไป จะได้รับเงินทดแทน

การขาดรายได้ ๕๐ % ของค่าจ้างตลอดชีวิต

                            นอกจากนี้ มีสิทธิได้รับค่าฟื้นฟูสมรรถภาพรายละ ๔๐,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งได้รับอวัยวะเทียม หรืออุปกรณ์

ในการบำบัดรักษาโรคในบางรายที่มีความจำเป็น

                       ๑.๔ กรณีตาย ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ เดือน ภายใน ๖ เดือน โดยผู้จัดการศพ

จะได้รับค่าทำศพเป็นเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท และทายาทจะได้รับเงินสงเคราะห์กรณีตาย หากผู้ประกันตนทำงานมาแล้วตั้งแต่ ๓ ปี

ขึ้นไป แต่ไม่ถึง ๑๐ ปี จะได้รับเงินเท่ากับ ๑ เดือนครึ่งของค่าจ้าง หากทำงานเกิน ๑๐ ปี ก็จะได้รับเงินเท่ากับ ๕ เท่าของค่าจ้าง

รายเดือนอีกด้วย

                       ๑.๕ กรณีสงเคราะห์บุตร ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑๒ เดือน ภายใสน ๓๖ เดือน

โดยผู้ประกันตนจะได้รับเงินเหมาจ่ายสงเคราะห์บุตร ๔๐๐ บาทต่อบุตร ๑ คน คราวละไม่เกิน ๒ คน จนบุตรอายุครบ ๖ ปีบริบูรณ์

                       ๑.๖ กรณีชราภาพ ผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑๘๐ เดือน จะมีสิทธิได้รับบำนาญชราภาพ

โดยต้องมีอายุ ๕๕ ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง กรณีที่ส่งเงินสมทบไม่ครบ ๑๘๐ เดือน (๑๕ ปี) หากลาออกและ

อายุครบ ๕๕ ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ให้ได้รับบำเหน็จอย่างเดียวจะเลือกรับบำนาญไม่ได้ เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดเอาไว้

                       ๑.๗ กรณีว่างงาน ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า ๖ เดือน ภายใน ๑๕ เดือน มี ๒ กรณี

คือ กรณีที่นายจ้างเลิกจ้าง ผู้ประกันตนจะได้รับเงิน ๕๐% ของค่าจ้างครั้งละไม่เกิน ๑๘๐ วัน หรือ ๖ เดือน อีกกรณีหนึ่งคือ ผู้ประกันตนลาออกเอง ก็มีสิทธิได้รับเงิน ๓๐% ของค่าจ้างครั้งละไม่เกิน ๙๐ วัน หรือ ๓ เดือน

 

 

                                                                       - 2 -

                   ๒. ผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ คือ ผู้ประกันตนซึ่งเคยเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ มาแล้วอย่างน้อย ๑๒

เดือน แล้วสมัครใจเป็นผู้ประกันตนต่อภายใน ๖ เดือนนับตั้งแต่วันที่ออกจากการทำงาน เรียกว่าเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙

                       ทั้งนี้ ผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ ต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมเดือนละ ๔๓๒ บาท (คิดจากฐาน

เงินเดือน ๔,๘๐๐ บาท เนื่องจากผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ ไม่มีนายจ้าง จึงต้องส่งเงินทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างรวม ๙%

ไม่รวมเงินสมทบกรณีว่างงาน ๑%) สิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ จะได้รับมี ๖ กรณี เหมือนกับผู้ประกันตน

ตามมาตรา ๓๓ ไม่มีสิทธิในกรณีว่างงาน

                   ๓. ผู้ประกันตนตามมาตรา ๔๐ คือ ผู้ประกันตนภาคสมัครใจที่เป็นแรงงานนอกระบบ ประกอบอาชีพอิสระ

และต้องไม่เป็นผู้ประกันตนมาตรา ๓๓ และมาตรา ๓๙ ไม่เป็นข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ ต้องเป็นคนไทยอายุ ๑๕ ปี ถึง ๖๐ ปี

บริบูรณ์ สมัครได้ทุกทางเลือก

                       ทางเลือกที่ ๑ เงินสมทบ ๑๐๐ บาท ผู้ประกันตนจ่าย ๗๐ บาท รัฐบาลสมทบ ๓๐ บาท ได้รับสิทธิกรณี

เจ็บป่วยนอนโรงพยาบาลคืนละ ๒๐๐ บาท ไม่เกิน ๓๐ คืนใน ๑ ปี มีเงื่อนไขต้องส่งเงินสมทบ ๓ เดือนภายใน ๔ เดือน นอกจากนี้

ยังได้รับสิทธิกรณีทุพพลภาพต้องส่งเงินสมทบมารแล้ว ๖ เดือนภายใน ๑๐ เดือน และกรณีตายต่องส่งเงินสมทบมาแล้ว ๖ เดือน

ภายใน ๑๒ เดือน

                       ทางเลือกที่ ๒ เงินสมทบ ๑๕๐ บาท ผู้ประกันตนจ่าย ๑๐๐ บาท รัฐบาลสมทบ ๕๐ บาท ได้รับสิทธิเช่นเดียวกับทางเลือกที่ ๑ แต่ได้รับบำเหน็จเดือนละ ๕๐ บาท บวกกับดอกผลอีกด้วย

                       ทางเลือกที่ ๓ เงินสมทบ ๒๐๐ บาท ผู้ประกันตนจ่าย ๑๐๐ บาท รัฐบาลสมทบอีก ๑๐๐ บาท ผู้ประกันตน

จะได้รับบำเหน็จเดือนละ ๒๐๐ บาท กรณีที่ส่งเงินสมทบมาแล้ว ๔๒๐ เดือน (หรือ ๓๕ ปี) มีสิทธิได้รับบำนาญ โดยได้รับขั้นต่ำ

๖๐๐ บาทต่อเดือนตลอดชีวิต

                 สำหรับผู้ที่มีอายุ ๖๕ ปีขึ้นไป สมัครได้เฉพาะทางเลือกที่ ๓ กล่าวคือ ฝากเดือนละ ๑๐๐ บาท แต่ได้คืน

๒๐๐ บาท บวกดอกผลอีกด้วย และจะเปิดรับสมัครในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘

                                                                 ---------------------------------

 

สำนักงานประกันสังคมจังหวัดอ่างทอง

๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๗                

 

14780377
วันนี้
เมื่อวานนี้
สัปดาห์นี้
สัปดาห์ที่ผ่านมา
เฉพาะเดือนนี้
เดือนที่ผ่านมา
ทั้งหมด
2802
7430
23996
14723010
119980
253183
14780377

IP 13.58.244.216
Server Time: 2024-04-26 06:10

สำหรับเจ้าหน้าที่

ปรับขนาดตัวอักษร

Copyright © 2015 จังหวัด อ่างทอง
จัดทำโดย กลุ่มงานยุทธศาสตร์และข้อมูลเพื่อการพัฒนาจังหวัด สำนักงานจังหวัดอ่างทอง ศาลากลางจังหวัดอ่างทอง ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง
โทร.0-3561-1235 , 0-3561-4912  e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. / This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.