ความหมายและสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนในโครงการประกันสังคม
- รายละเอียด
- เผยแพร่เมื่อ วันอังคาร, 23 ธันวาคม 2557 00:00
- เขียนโดย Super User
- ฮิต: 4260
นางจุฑาทิพ ลักษณา ประกันสังคมจังหวัดอ่างทอง กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ผู้ประกันตน หมายถึง ผู้ซึ่งจ่ายเงิน
สมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ภายใต้เงื่อนไขของเวลาที่นำส่ง จะก่อให้เกิดสิทธิได้รับประโยชน์จากการเป็นผู้ประกันตน มีอยู่ ๓
ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
๑. ผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ หากจะให้เข้าใจง่าย คือ ผู้ประกันตนประเภทนี้เป็นภาคบังคับต้องขึ้นทะเบียน
เป็นมาตรา ๓๓ ตามที่กฎหมายกำหนด กล่าวคือ สถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ ๑ คนขึ้นไป (มีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๕ ปีบริบูรณ์
และไม่เกิน ๖๐ ปีบริบูลณ์ในวันเข้าทำงาน) ต้องขึ้นทะเบียนนายจ้างพร้อมกับขึ้นทะเบียนลูกจ้างภายใน ๓๐ วัน และหากมีการ
รับลูกจ้างใหม่เข้าทำงานเพิ่ม ต้องแจ้งขึ้นทะเบียนลูกจ้างใหม่ภายใน ๓๐ วันเช่นกัน สำหรับกรณีแจ้งการลาออกหรือแจ้งการเปลี่ยนแปลงของผู้ประกันตน นายจ้างต้องแจ้งแบบหนังสือให้สำนักงานประกันสังคมทราบภายใน ๑๕ วันของเดือนถัดไป
สำหรับผู้ประกันตนมาตรา ๓๓ รวมไปถึงลูกจ้างชั่วคราวรายเดือนของส่วนราชการต่างๆ ปัจจุบันเรียกว่า
พนักงานของส่วนราชการ กลุ่มนี้ก็ต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ ด้วย ปัจจุบันผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓
บางคน อาจมีอายุเกิน ๖๐ ปีได้ เป็นเพราะนายจ้างหรือสถานประกอบการนั้นๆ มีการจ้างให้ทำงานต่อเนื่อง ผู้ประกันตนตาม
มาตรา ๓๓ ต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ๕% ของรายได้ต่อเดือน เท่ากับนายจ้างก็ส่ง ๕% เหมือนกัน (ในส่วนของ
รัฐบาลส่งเข้ากองทุน ๒.๗๕%) สิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ จะได้รับมี ๗ กรณี ดังนี้
๑.๑ กรณีเจ็บป่วย ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า ๓ เดือน ภายใน ๑๕ เดือน จะมีสิทธิ
เข้ารักษาพยาบาลในสถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ หรือเครือข่ายของสถานพยาบาลที่ผู้ประกันตนเลือกระบุในบัตร
รับรองสิทธิฯ
๑.๒ กรณีคลอดบุตร ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า ๗ เดือน ภายใน ๑๕ เดือน ผู้ประกันตน
จะมีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ ๒ ครั้ง โดยจะได้รับเงินเหมาจ่ายค่าคลอดบุตร ๑๓,๐๐๐ บาทต่อครั้ง หากเป็นผู้ประกันตนหญิงจะได้
รับเงินเหมาจ่าย ๕๐% ของค่าจ้าง ๙๐ วันอีกด้วย
๑.๓ กรณีทุพพลภาพ ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า ๓ เดือน ภายใน ๑๕ เดือน แพทย์ที่ขึ้น
ทะเบียนของสำนักงานประกันสังคมตรวจประเมินว่ามีการสูญเสียสมรรถภาพในการทำงาน ตั้งแต่ ๕๐% ขึ้นไป จะได้รับเงินทดแทน
การขาดรายได้ ๕๐ % ของค่าจ้างตลอดชีวิต
นอกจากนี้ มีสิทธิได้รับค่าฟื้นฟูสมรรถภาพรายละ ๔๐,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งได้รับอวัยวะเทียม หรืออุปกรณ์
ในการบำบัดรักษาโรคในบางรายที่มีความจำเป็น
๑.๔ กรณีตาย ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ เดือน ภายใน ๖ เดือน โดยผู้จัดการศพ
จะได้รับค่าทำศพเป็นเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท และทายาทจะได้รับเงินสงเคราะห์กรณีตาย หากผู้ประกันตนทำงานมาแล้วตั้งแต่ ๓ ปี
ขึ้นไป แต่ไม่ถึง ๑๐ ปี จะได้รับเงินเท่ากับ ๑ เดือนครึ่งของค่าจ้าง หากทำงานเกิน ๑๐ ปี ก็จะได้รับเงินเท่ากับ ๕ เท่าของค่าจ้าง
รายเดือนอีกด้วย
๑.๕ กรณีสงเคราะห์บุตร ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑๒ เดือน ภายใสน ๓๖ เดือน
โดยผู้ประกันตนจะได้รับเงินเหมาจ่ายสงเคราะห์บุตร ๔๐๐ บาทต่อบุตร ๑ คน คราวละไม่เกิน ๒ คน จนบุตรอายุครบ ๖ ปีบริบูรณ์
๑.๖ กรณีชราภาพ ผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑๘๐ เดือน จะมีสิทธิได้รับบำนาญชราภาพ
โดยต้องมีอายุ ๕๕ ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง กรณีที่ส่งเงินสมทบไม่ครบ ๑๘๐ เดือน (๑๕ ปี) หากลาออกและ
อายุครบ ๕๕ ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ให้ได้รับบำเหน็จอย่างเดียวจะเลือกรับบำนาญไม่ได้ เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดเอาไว้
๑.๗ กรณีว่างงาน ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า ๖ เดือน ภายใน ๑๕ เดือน มี ๒ กรณี
คือ กรณีที่นายจ้างเลิกจ้าง ผู้ประกันตนจะได้รับเงิน ๕๐% ของค่าจ้างครั้งละไม่เกิน ๑๘๐ วัน หรือ ๖ เดือน อีกกรณีหนึ่งคือ ผู้ประกันตนลาออกเอง ก็มีสิทธิได้รับเงิน ๓๐% ของค่าจ้างครั้งละไม่เกิน ๙๐ วัน หรือ ๓ เดือน
- 2 -
๒. ผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ คือ ผู้ประกันตนซึ่งเคยเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ มาแล้วอย่างน้อย ๑๒
เดือน แล้วสมัครใจเป็นผู้ประกันตนต่อภายใน ๖ เดือนนับตั้งแต่วันที่ออกจากการทำงาน เรียกว่าเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙
ทั้งนี้ ผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ ต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมเดือนละ ๔๓๒ บาท (คิดจากฐาน
เงินเดือน ๔,๘๐๐ บาท เนื่องจากผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ ไม่มีนายจ้าง จึงต้องส่งเงินทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างรวม ๙%
ไม่รวมเงินสมทบกรณีว่างงาน ๑%) สิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ จะได้รับมี ๖ กรณี เหมือนกับผู้ประกันตน
ตามมาตรา ๓๓ ไม่มีสิทธิในกรณีว่างงาน
๓. ผู้ประกันตนตามมาตรา ๔๐ คือ ผู้ประกันตนภาคสมัครใจที่เป็นแรงงานนอกระบบ ประกอบอาชีพอิสระ
และต้องไม่เป็นผู้ประกันตนมาตรา ๓๓ และมาตรา ๓๙ ไม่เป็นข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ ต้องเป็นคนไทยอายุ ๑๕ ปี ถึง ๖๐ ปี
บริบูรณ์ สมัครได้ทุกทางเลือก
ทางเลือกที่ ๑ เงินสมทบ ๑๐๐ บาท ผู้ประกันตนจ่าย ๗๐ บาท รัฐบาลสมทบ ๓๐ บาท ได้รับสิทธิกรณี
เจ็บป่วยนอนโรงพยาบาลคืนละ ๒๐๐ บาท ไม่เกิน ๓๐ คืนใน ๑ ปี มีเงื่อนไขต้องส่งเงินสมทบ ๓ เดือนภายใน ๔ เดือน นอกจากนี้
ยังได้รับสิทธิกรณีทุพพลภาพต้องส่งเงินสมทบมารแล้ว ๖ เดือนภายใน ๑๐ เดือน และกรณีตายต่องส่งเงินสมทบมาแล้ว ๖ เดือน
ภายใน ๑๒ เดือน
ทางเลือกที่ ๒ เงินสมทบ ๑๕๐ บาท ผู้ประกันตนจ่าย ๑๐๐ บาท รัฐบาลสมทบ ๕๐ บาท ได้รับสิทธิเช่นเดียวกับทางเลือกที่ ๑ แต่ได้รับบำเหน็จเดือนละ ๕๐ บาท บวกกับดอกผลอีกด้วย
ทางเลือกที่ ๓ เงินสมทบ ๒๐๐ บาท ผู้ประกันตนจ่าย ๑๐๐ บาท รัฐบาลสมทบอีก ๑๐๐ บาท ผู้ประกันตน
จะได้รับบำเหน็จเดือนละ ๒๐๐ บาท กรณีที่ส่งเงินสมทบมาแล้ว ๔๒๐ เดือน (หรือ ๓๕ ปี) มีสิทธิได้รับบำนาญ โดยได้รับขั้นต่ำ
๖๐๐ บาทต่อเดือนตลอดชีวิต
สำหรับผู้ที่มีอายุ ๖๕ ปีขึ้นไป สมัครได้เฉพาะทางเลือกที่ ๓ กล่าวคือ ฝากเดือนละ ๑๐๐ บาท แต่ได้คืน
๒๐๐ บาท บวกดอกผลอีกด้วย และจะเปิดรับสมัครในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
---------------------------------
สำนักงานประกันสังคมจังหวัดอ่างทอง
๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๗